สัญญาณเตือน! ตกขาวแบบไหน "อันตราย"
อัพเดทล่าสุด: 11 พ.ย. 2025
7 ผู้เข้าชม

ลักษณะของตกขาวสามารถบ่งบอกถึงสภาวะสุขภาพที่แตกต่างกันได้ ตั้งแต่ภาวะปกติไปจนถึงการติดเชื้อหรือโรคร้ายแรง ซึ่งโดยปกติแล้วตกขาวจะมีลักษณะเป็นมูกใส หรือสีขาวขุ่นเล็กน้อย ไม่มีกลิ่น และไม่คัน หากมีสี กลิ่น หรืออาการอื่นๆ ร่วมด้วย
ตกขาวปกติ (Physiological Leukorrhea)
- ลักษณะ : มูกใส คล้ายไข่ขาว หรืออาจมีสีขาวขุ่นเล็กน้อย
- ปริมาณ : ปริมาณจะแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงของรอบเดือน มักมีปริมาณมากขึ้นในช่วงกลางรอบเดือน (ช่วงตกไข่) หรือช่วงก่อนมีประจำเดือน
- กลิ่น/อาการ : ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่ทำให้เกิดอาการคัน แสบ หรือระคายเคืองบริเวณช่องคลอด
- สาเหตุ : เป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายในการสร้างความชุ่มชื้นและป้องกันการติดเชื้อในช่องคลอด
ตกขาวผิดปกติ (Abnor mal Leukorrhea)
ลักษณะตกขาวที่ผิดปกติมักเกิดจากการติดเชื้อ หรือปัญหาอื่นๆ ซึ่งสามารถจำแนกตามสีและอาการร่วมได้ดังนี้
สีขาวขุ่น/เทาอ่อน (ปริมาณมาก)
- มีกลิ่นเหม็นคาวปลาชัดเจน โดยเฉพาะหลังมีเพศสัมพันธ์หรือหลังหมดประจำเดือนใหม่ๆ ไม่มีอาการคันหรือแสบ
- สาเหตุเกิดจากภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Vaginosis - BV)
สีขาวขุ่น/เหลือง (เนื้อข้น)
- คล้ายแป้งเปียกหรือนมบูด มีอาการคันและแสบร้อนบริเวณช่องคลอดอย่างรุนแรง อาจมีอาการบวมแดงร่วมด้วย
- สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อราในช่องคลอด (Yeast Infection / Candidiasis)
สีเหลือง/เขียว
- มีลักษณะเป็นฟอง มีกลิ่นเหม็นคาวรุนแรง อาการคัน แสบ ปวดท้องน้อย หรือเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
- อาจเกี่ยวข้องกับโรคติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด (Trichomoniasis) หรือ โรคหนองในแท้/เทียม (Gonorrhea/Chlamydia)
สีน้ำตาล/มีเลือดปน
- อาจมีกลิ่นเหม็นคาวรุนแรง ปริมาณมาก
- สัญญาณอันตรายที่อาจบ่งบอกถึง เนื้องอกในมดลูก หรือมะเร็งปากมดลูก/มะเร็งโพรงมดลูก ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด
สีชมพูอ่อน/มีเลือดปนเล็กน้อย
- มักเกิดขึ้นในช่วงใกล้มีประจำเดือน หรือหลังคลอดบุตร อาจเกิดจากการระคายเคือง หรือเป็นสัญญาณของการฝังตัวของตัวอ่อนในระยะเริ่มแรกของการตั้งครรภ์ได้
- โดยทั่วไปอาจไม่อันตราย แต่ถ้ามีอาการผิดปกติอื่นร่วม ควรปรึกษาแพทย์
แนวทางการป้องกันตกขาวผิดปกติมุ่งเน้นไปที่การรักษาสมดุลของแบคทีเรียที่ดีในช่องคลอดและสุขอนามัยส่วนบุคคลที่ดี แนวทางปฏิบัติดังนี้
สุขอนามัยส่วนบุคคล
- ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี : ล้างบริเวณอวัยวะเพศภายนอกด้วยน้ำสะอาดหรือสบู่อ่อนๆ เท่านั้น หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด เพราะจะทำลายแบคทีเรียดีตามธรรมชาติและทำให้ค่า pH เสียสมดุล
- ซับให้แห้ง : หลังทำความสะอาด ควรซับบริเวณจุดซ่อนเร้นให้แห้งเสมอเพื่อป้องกันความอับชื้นซึ่งเป็นสาเหตุของการติดเชื้อรา
- เช็ดจากหน้าไปหลัง : หลังขับถ่าย ให้เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง (จากช่องคลอดไปทางทวารหนัก) เพื่อป้องกันการนำเชื้อแบคทีเรียจากทวารหนักเข้าสู่ช่องคลอดหรือทางเดินปัสสาวะ
- เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ : ในช่วงมีประจำเดือน ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 3-4 ชั่วโมง เพื่อลดความอับชื้น
การเลือกเสื้อผ้า
- สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี : เลือกกางเกงชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้าย (คอตตอน) และหลีกเลี่ยงกางเกงที่รัดแน่นเกินไป เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกและลดความชื้นสะสม
โภชนาการและไลฟ์สไตล์
- รับประทานโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยว : อาหารที่มีจุลินทรีย์โปรไบโอติก (Lactobacillus) จะช่วยเพิ่มแบคทีเรียดีในช่องคลอดและช่วยรักษาสมดุล pH
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ : การดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอช่วยรักษาสมดุลของร่างกายโดยรวม
- หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น : ลดการบริโภคน้ำตาลและแป้งขัดขาวที่มากเกินไป และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น สบู่ที่มีน้ำหอมรุนแรง หรือแผ่นอนามัยที่มีกลิ่น
- รักษาสุขอนามัยทางเพศ : การใช้ถุงยางอนามัยสามารถช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ซึ่งเป็นสาเหตุของตกขาวผิดปกติได้
บทความที่เกี่ยวข้อง
ลักษณะเล็บที่ผิดปกติ เช่น เล็บเปลี่ยนสี เล็บขรุขระ เล็บเป็นหลุม หรือเล็บโค้งผิดรูป สามารถบ่งบอกถึงโรคต่างๆ
21 พ.ย. 2025
ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout Syndrome) ถือเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่สำคัญในกลุ่มวัยทำงาน
14 พ.ย. 2025
โรคที่พบบ่อยเกี่ยวกับลำไส้ใหญ่ โรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรังและมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งอาจอันตรายถึงชีวิตได้เนื่องจากภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
18 ต.ค. 2025


